ภาษาไทยที่ใช้โดยล้านๆ คนในประเทศไทยมีลักษณะเฉพาะที่น่าสนใจ คือ การใช้เสียงสำหรับการออกเสียงคำ
มีทั้งหมด 5 ลักษณะของเสียงในภาษาไทย และความเข้าใจเกี่ยวกับ 5 ลักษณะนี้มีความสำคัญอย่างมากในการหลีกเลี่ยงความสับสนในการสื่อสาร ต่อไปนี้คือ คำอธิบายลึกลับเกี่ยวกับ 5 ลักษณะเสียงในภาษาไทย:
เสียงสูง (High Tone); เสียงสูงมีลักษณะด้วยการออกเสียงที่สูงและแบน ในการสร้างเสียงนี้ ปากคุณต้องอยู่ในท่าเปิดและเสียงต้องออกอย่างมีพลัง ตัวอย่างคำในภาษาไทยที่ใช้เสียงสูงคือ “ขาว” (khao) ซึ่งหมายถึง “putih”.
เสียงขึ้น (Rising Tone); เสียงขึ้นมีลักษณะด้วยการออกเสียงที่เริ่มต้นต่ำและขึ้น ในการออกเสียงเสียงนี้ ปากคุณจะเริ่มปิดลงเล็กน้อยและจากนั้นเปิดขึ้นอย่างช้าๆ ตัวอย่างคำในภาษาไทยที่ใช้เสียงขึ้นคือ “เขา” (khao) ซึ่งหมายถึง “mereka” หรือ “dia”.
เสียงลง (Falling Tone); เสียงลงคือการสลับกับของเสียงขึ้น โดยที่เสียงเริ่มต้นจากสูงและลงล่างลงไป ในการออกเสียงเสียงนี้ ปากคุณจะเริ่มเปิดออกและจากนั้นปิดลงเล็กน้อย ตัวอย่างคำในภาษาไทยที่ใช้เสียงลงคือ “ห้อง” (hong) ซึ่งหมายถึง “ruangan”.
เสียงต่ำ (Low Tone); เสียงต่ำมีลักษณะด้วยการออกเสียงที่ต่ำและแบน ในการสร้างเสียงนี้ ปากคุณต้องอยู่ในท่าเปิดลงครึ่ง ตัวอย่างคำในภาษาไทยที่ใช้เสียงต่ำคือ “คาบ” (khap) ซึ่งหมายถึง “memegang”.
เสียงตรง (Mid Tone); เสียงตรงเป็นเสียงที่เป็นกลางที่สุด การออกเสียงเป็นแบบเรียบๆ โดยไม่มีการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญในเสียงสูงหรือต่ำ ตัวอย่างคำในภาษาไทยที่ใช้เสียงตรงคือ “น้ำ” (nam) ซึ่งหมายถึง “air”.
สำคัญที่จะจำไว้ว่าในภาษาไทย เสียงมีบทบาทสำคัญในความหมายของคำ คำเดียวกัน ถ้าถูกออกเสียงด้วยเสียงที่แตกต่างกัน อาจมีความหมายที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง ดังนั้น ความเข้าใจและการควบคุมในการใช้ 5 ลักษณะเสียงนี้เป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งสำหรับผู้ใดที่ต้องการเรียนรู้ภาษาไทยอย่างดี
เพื่อเสริมความเข้าใจของคุณในเรื่อง 5 ลักษณะเสียงในภาษาไทย เราขอแนะนำให้ฟังการสนทนาในภาษาไทยโดยตรง ฝึกพูดพร้อมกับผู้ใช้ภาษาเป็นภาษาแม่ หรือใช้แหล่งการเรียนรู้ที่ให้ความสนใจเฉพาะเรื่องการแสดงทัศนียภาพและเสียงในการออกเสียงคำ
ด้วยการฝึกซ้อมอย่างต่อเนื่องและความอดทน คุณจะสามารถควบคุม 5 ลักษณะเสียงนี้ได้อย่างชัดเจนและเพิ่มพูนทักษะในการพูดภาษาไทยของคุณอย่างมีนัยสำคัญ สู่ความสำเร็จในการเรียนรู้!