ประโยชน์ของน้ำมันปาล์มต่อสุขภาพ
เนื่องจากน้ำมันปาล์มมีสารอาหารบางชนิด หลายคนจึงเชื่อว่าน้ำมันปาล์มอาจช่วยบำรุงร่างกายและป้องกันโรคบางชนิดได้ โดยมีงานวิจัยทางวิทยาศาสตร์ที่ชี้ว่าน้ำมันปาล์มอาจมีประโยชน์ต่อสุขภาพ ดังนี้
ป้องกันภาวะขาดวิตามินเอ
วิตามินเอ เป็นวิตามินชนิดหนึ่งที่จำเป็นต่อการเจริญเติบโตของกระดูก ช่วยบำรุงสุขภาพผิวหนังและสายตา ซึ่งหากขาดวิตามินเออาจทำให้เกิดผลกระทบต่อการมองเห็น มีอาการตาแห้ง และอาจนำไปสู่การเกิดภาวะโลหิตจางได้อีกด้วย และเนื่องจากในน้ำมันปาล์มแดงมีสารแคโรทีนอยด์ที่ร่างกายสามารถเปลี่ยนให้เป็นวิตามินเอได้ จึงมีงานวิจัยเกี่ยวกับประสิทธิภาพของน้ำมันปาล์มในด้านการป้องกันภาวะขาดวิตามินเออยู่บ้าง
มีงานวิจัยหนึ่งที่พบว่าผู้ป่วยโรคซิสติก ไฟโบรซิสมีระดับวิตามินเอในเลือดสูงขึ้นหลังจากรับประทานน้ำมันปาล์มแดงเป็นระยะเวลา 8 สัปดาห์ แต่เนื่องจากงานวิจัยนี้เป็นการศึกษาในกลุ่มผู้ป่วยโรคซิสติก ไฟโบรซิสเท่านั้น จึงจำเป็นต้องมีการศึกษาเพิ่มเติมเกี่ยวกับการป้องกันภาวะขาดวิตามินเอในคนทั่วไป
นอกจากนี้ ยังมีงานวิจัยอีกชิ้นหนึ่งเกี่ยวกับการรับประทานน้ำมันปาล์มแดงในผู้หญิงที่อยู่ในช่วงให้นมบุตร พบว่าการรับประทานน้ำมันปาล์มแดงช่วยเพิ่มระดับสารแคโรทีนอยด์ ซึ่งเป็นสารตั้งต้นของวิตามินเอ จึงเชื่อว่าการบริโภคน้ำมันปาล์มอาจป้องกันภาวะขาดวิตามินเอได้ ทั้งยังพบว่าสารแคโรทีนอยด์ยังสามารถส่งผ่านไปยังลูกทางน้ำนมได้อีกด้วย อย่างไรก็ตาม ยังจำเป็นต้องมีการศึกษาเพิ่มเติมเพื่อยืนยันประสิทธิภาพของน้ำมันปาล์มในการป้องกันภาวะขาดวิตามินเอที่แน่นอนอีกครั้ง
ลดคอเลสเตอรอลชนิดที่ไม่ดี
คอเลสเตอรอลชนิดที่ไม่ดี (Low-Density Lipoproteins: LDL) เป็นคอเลสเตอรอลที่ไม่ดีต่อร่างกาย หากมีคอเลสเตอรอลชนิดนี้มากเกินไปอาจนำไปสู่การเกิดโรคเกี่ยวกับระบบหัวใจและหลอดเลือด เช่น ภาวะหัวใจขาดเลือดเฉียบพลัน โรคหลอดเลือดสมอง และโรคหลอดเลือดแดงส่วนปลายตีบ เป็นต้น
มีงานวิจัยชิ้นหนึ่งที่พบว่ากลุ่มคนที่บริโภคอาหารที่อุดมไปด้วยน้ำมันปาล์มมีระดับคอเลสเตอรอลโดยรวมและระดับคอเลสเตอรอลชนิดที่ไม่ดีลดลง จึงเชื่อว่าน้ำมันปาล์มอาจช่วยลดปริมาณคอเลสเตอรอลชนิดที่ไม่ดี ซึ่งอาจช่วยลดความเสี่ยงของการเกิดโรคหัวใจได้อีกด้วย อย่างไรก็ตาม การเพิ่มขึ้นหรือลดลงของระดับคอเลสเตอรอลชนิดที่ไม่ดีเพียงอย่างเดียวอาจไม่เพียงพอต่อการวิเคราะห์ความเสี่ยงของการเกิดโรคหัวใจได้ ดังนั้น จึงจำเป็นต้องมีการศึกษาค้นคว้าเพิ่มเติมเกี่ยวกับคุณประโยชน์ของน้ำมันปาล์มในด้านการช่วยลดความเสี่ยงของโรคหัวใจ
ช่วยบำรุงสมอง
เนื่องจากน้ำมันปาล์มเป็นแหล่งของวิตามินอี ซึ่งมีสารโทโคไตรอีนอลที่เชื่อกันว่าอาจช่วยลดการแตกตัวของไขมันไม่อิ่มตัวในสมอง ชะลอการเกิดภาวะสมองเสื่อม ลดความเสี่ยงของโรคหลอดเลือดสมอง และยังช่วยป้องกันการเจริญเติบโตของแผลในสมองอีกด้วย จึงมีงานวิจัยเกี่ยวกับคุณประโยชน์ของน้ำมันปาล์มในด้านนี้อยู่บ้าง
มีงานวิจัยหนึ่งที่ทำการทดลองในหลอดทดลองและในสัตว์เกี่ยวกับสารโทโคไตรอีนอลในวิตามินอีจากน้ำมันปาล์ม โดยพบว่าสารโทโคไตรอีนอลอาจช่วยพัฒนาสมรรถนะของการรู้คิด ทั้งอาจช่วยชะลอภาวะการเกิดสมองเสื่อมและป้องกันโรคอัลไซเมอร์ และยังมีงานวิจัยอีกชิ้นที่ทำการทดลองในผู้ที่มีรอยโรคในสมอง พบว่ารอยโรคในสมองของผู้ที่บริโภคสารโทโคไตรนอลจากน้ำมันปาล์มไม่มีการเจริญเติบโตขึ้น จึงเชื่อว่าน้ำมันปาล์มอาจช่วยชะลอการเจริญเติบโตของรอยโรคในสมองได้อีกด้วย
อย่างไรก็ตาม ควรมีการศึกษาเพิ่มเติมเพื่อยืนยันประสิทธิภาพของน้ำมันปาล์มในด้านการบำรุงสมองและป้องกันโรคที่เกี่ยวกับสมองที่แน่นอน
นอกจากนี้ น้ำมันปาล์มยังอาจใช้ในการป้องกันโรคอื่น ๆ เช่น โรคมะเร็ง โรคมาลาเรีย ภาวะความดันโลหิตสูง และภาวะเป็นพิษจากไซยาไนด์ เป็นต้น ทั้งอาจช่วยเรื่องการเผาผลาญของร่างกายและช่วยชะลอวัยได้อีกด้วย อย่างไรก็ตาม เนื่องจากยังมีข้อมูลทางวิทยาศาสตร์ไม่เพียงพอ จึงจำเป็นต้องมีการศึกษาเพิ่มเติมเพื่อยืนยันประสิทธิภาพดังกล่าวของน้ำมันปาล์มอีกครั้ง
บริโภคน้ำมันปาล์มอย่างไรให้ปลอดภัยและดีต่อสุขภาพ
การบริโภคน้ำมันปาล์มเพื่อใช้รักษาโรคอาจมีความปลอดภัยทั้งในผู้ใหญ่ เด็ก และสตรีมีครรภ์เมื่อบริโภคเป็นระยะเวลานาน 6 เดือน สำหรับการบริโภคน้ำมันปาล์มเพื่อป้องกันภาวะขาดวิตามินเอ ผู้ใหญ่และเด็กที่มีอายุ 5 ปีขึ้นไปควรบริโภคน้ำมันปาล์มปริมาณ 3 ช้อนโต๊ะหรือ 9 กรัมต่อวัน ส่วนผู้หญิงที่กำลังตั้งครรภ์ควรบริโภคน้ำมันปาล์มปริมาณ 4 ช้อนโต๊ะหรือ 12 กรัมต่อวัน
ผู้ที่กำลังรับประทานยาที่ชะลอการแข็งตัวของเลือดอย่างยาต้านการแข็งตัวของเลือดและยาต้านเกล็ดเลือดควรหลีกเลี่ยงการบริโภคน้ำมันปาล์ม เนื่องจากน้ำมันปาล์มอาจมีผลทำให้เลือดแข็งตัวได้ นอกจากนี้ การใช้น้ำมันปาล์มซ้ำอาจลดประสิทธิภาพในการต้านอนุมูลอิสระ และอาจส่งผลให้เกิดโรคหัวใจได้อีกด้วย