สรรพคุณทางยาของ “กระชายดำ”
เราใช้ “เหง้ากระชายดำ” นำมาทำเป็นยารักษาอาการต่างๆ ไม่ว่าจะใช้เป็นยาขับปัสสาวะ , ขับลม , แก้บิด , แก้อาการท้องอืดท้องเฟ้อ , จุกเสียท้อง ใช้รักษาอาการของโรคกระเพาะที่เกิดจากการรับประทานอาหารไม่ตรงเวลา โดยข้อมูลทางวิทยาศาสตร์ได้ระบุเอาไว้ว่า “กระชายดำ” มีฤทธิ์ต้านจุลชีพ ซึ่งก็คือสิ่งมีชีวิตที่มีขนาดเล็กมากๆ จำพวกแบคทีเรีย หรือแม้แต่ไวรัส ช่วยต้านทานการอักเสียบเทียบได้กับยาหลายๆ ชนิด อาทิ แอสไพริน อินโดเมธาซิน และเพรดนิซิโลน
ประโยชน์ด้านอื่นๆ ของ “กระชายดำ”
เพิ่มสมรรถภาพทางเพศชาย
อ้างอิงจากจุลสารข้อมูลสมุนไพร คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล ระบุว่าสารสกัดเอทานอลที่ได้จากเหง้ากระชายดำมีผลทำให้พฤติกรรมทางเพศของสัตว์ที่เข้ารับการทดลองดีขึ้น ซึ่งจะเข้าไปช่วยเพิ่มการไหลเวียนของเลือดไปยังอวัยวะเพศ ออกฤทธิ์ยับยั้งการหดตัวของกล้ามเนื้อเรียบองคชาต และกล้ามเนื้อเรียบของอวัยวะเพศของผู้ที่ได้จากการผ่าตัดแปลงเพศ กล้ามเนื้อเกิดการคลายตัว ทำให้เลือดสามารถไหลเวียนเข้าสู่อวัยวะเพศได้ดี การแข็งตัวของอวัยวะเพศจึงมีประสิทธิภาพมากขึ้น
จากการทดลองเพิ่มเติมที่ทำกับอาสาสมัครวัย 65 ปีขึ้น โดยให้ทานแคปซูลที่เป็นสารสกัดเอทานอลจากกระชายดำเป็นระยะเวลา 2 เดือน พบว่า พวกเขาสามารถตอบสนองต่อสิ่งเร้าทางเพศได้เพิ่มขึ้น (erotic stimuli) รวมถึงขนาดและความยาวขององคชาติก็เพิ่มมากขึ้น ทำให้พวกเขารู้สึกพึงพอใจต่อการแข็งตัว จากนั้นเมื่อหยุดให้สารสกัด ร่างกายก็จะกลับเข้าสู่สภาวะปกติ จึงพิสูจน์ได้ว่ากระชายดำมีฤทธิ์ช่วยเพิ่มสมรรถภาพทางเพศได้จริง แต่ถึงอย่างนั้น ก็ยังไม่มีผลการศึกษาวิจัยเพิ่มเติมที่ออกมารับรองว่าต้องทานสารสกัดเท่าไหร่จึงจะเหมาะสมเพื่อความปลอดภัย จึงต้องระมัดระวังเป็นอย่างยิ่งก่อนนำมาใช้
เพิ่มฮอร์โมนเพศหญิง
จากข้อมูลในตำรายาสมุนไพรไทยได้ระบุเอาไว้ว่า กระชายดำ สามารถช่วยบำรุงเลือดในสตรี แก้ตกขาว ทำให้โลหิตหมุนเวียนได้ขึ้น ช่วยให้ประจำเดือนมาเป็นปกติ เมื่อมีประจำเดือน อาการปวดท้องก็จะลดน้อยลง อีกทั้งยังมีส่วนช่วยบำรุงให้ผิวพรรณผุดผ่องได้อีกด้วย
บำรุงระบบไหลเวียนเลือด ช่วยป้องกันโรคหลอดเลือดสมองอุดตัน
เรื่องนี้อ้างอิงจากข้อมูลในงานวิจัยของคณะวิทยาศาสตร์การแพทย์ มหาวิทยาลัยพะเยา ระบุเอาไว้ว่า เมื่อหนูขาวที่เหนี่ยวนำให้เป็นโรคหลอดเลือดสมองอุดตันได้กินกระชายดำเข้าไปในปริมาณ 200 มิลลิกรัม/กิโลกรัม ต่อเนื่องเป็นเวลา 2 สัปดาห์ อาการอ่อนแรงที่เกิดขึ้นซึ่งเป็นตัวบ่งชี้ว่าเป็นความผิดปกติของระบบประสาทก็ลดน้อยลงอย่างเห็นได้ชัด อีกทั้งยังช่วยลดปริมาณเนื้อตายของสมองที่เกิดจากการขาดเลือดได้เป็นอย่างดี