เม็ดมะม่วงหิมพานต์ต่อสุขภาพ
เมล็ดพืชแหล่งโปรตีนและไขมันดีต่อสุขภาพที่หลายคนเชื่อว่าอาจช่วยลดความเสี่ยงจากโรคเรื้อรังบางชนิดได้ เช่น โรคอ้วนลงพุง โรคหัวใจและหลอดเลือด เป็นต้น โดยส่วนที่นำมาบริโภคเป็นเนื้อในสุดของเมล็ด คนทั่วไปนิยมรับประทานเป็นของกินเล่นหรือใช้เป็นส่วนประกอบในเมนูอาหารและขนมหวานต่าง ๆ
ลดความเสี่ยงจากโรคอ้วนลงพุง
อ้วนลงพุงหรือภาวะเมแทบอลิกซินโดรมเป็นกลุ่มอาการผิดปกติที่มีภาวะหลายอย่างเกิดร่วมกัน ได้แก่ ไขมันในช่องท้องสูงกว่าปกติ ไขมันในเลือดผิดปกติ การเผาผลาญน้ำตาลผิดปกติ และความดันโลหิตสูง เม็ดมะม่วงหิมพานต์ประกอบไปด้วยกรดไขมันไม่อิ่มตัวที่เชื่อว่าช่วยเสริมการทำงานของหลอดเลือด ลดไขมันในเลือด และส่งผลดีต่อการควบคุมระดับน้ำตาล จึงเกิดงานวิจัยที่ศึกษาประสิทธิผลด้านการลดไขมันจากการรับประทานเม็ดมะม่วงหิมพานต์ในกลุ่มอาสาสมัครชายหญิงที่มีระดับไขมันชนิดไม่ดีค่อนข้างสูงเป็นเวลา 28 วัน พบว่าเม็ดมะม่วงหิมพานต์ช่วยลดระดับไขมันรวมและไขมันชนิดไม่ดี แต่ไม่ส่งผลต่อระดับไขมันชนิดดีและไตรกลีเซอไรด์เมื่อเปรียบเทียบกับการรับประทานมันฝรั่งทอด อย่างไรก็ตาม มีงานวิจัยก่อนหน้านี้ที่พบว่าการบริโภคเม็ดมะม่วงหิมพานต์ไม่ใส่เกลือเป็นเวลา 8 สัปดาห์กลับส่งผลให้ระดับน้ำตาลในเลือดเพิ่มสูงขึ้น แต่ไม่พบการเปลี่ยนแปลงของตัวบ่งชี้อื่น ๆ ที่ใช้ในการประเมินโรคอ้วนลงพุงเมื่อเปรียบเทียบกับกลุ่มที่ไม่ได้รับประทานเม็ดมะม่วงหิมพานต์หรือเมล็ดพืชชนิดใด ๆ
แม้ข้อมูลข้างต้นแสดงให้เห็นว่าเม็ดมะม่วงหิมพานต์อาจช่วยลดปัจจัยเสี่ยงบางด้านที่นำไปสู่การเกิดโรคอ้วนลงพุงได้ แต่งานค้นคว้ามักเป็นการทดลองขนาดเล็กและงานวิจัยบางส่วนก็มีผลลัพธ์ที่โต้แย้งกัน จึงควรมีการศึกษาเพิ่มเติมต่อไป วิธีดูแลตนเองให้ห่างไกลจากกลุ่มอาการอ้วนลงพุงควรออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ ควบคุมน้ำหนัก และควบคุมการรับประทานอาหารไปด้วย
ดีต่อสุขภาพหัวใจและหลอดเลือด
โรคหัวใจเป็นภาวะผิดปกติที่กระทบต่อการทำงานของหัวใจ อาจก่อให้เกิดการเจ็บป่วยร้ายแรงถึงแก่ชีวิตได้ การดูแลสุขภาพหัวใจจึงเป็นสิ่งสำคัญ เม็ดมะม่วงหิมพานต์อาจเป็นอาหารอีกชนิดหนึ่งที่ดีต่อการป้องกันโรคหัวใจและหลอดเลือด เพราะมีสารอาหารสำคัญอยู่มาก เช่น ไขมันชนิดดี กากใยอาหาร โปรตีน รวมถึงกรดอะมิโนอย่างอาร์จีนีน (Arginine) โดยสารเหล่านี้อาจช่วยให้ผนังหลอดเลือดขยายตัว และลดการสะสมของไขมันชนิดไม่ดีที่อาจอุดตันหลอดเลือดหัวใจได้
มีงานวิจัยขนาดใหญ่ที่ศึกษาผลการรับประทานเม็ดมะม่วงหิมพานต์และถั่วหลายชนิดที่เกี่ยวข้องกับการเกิดโรคหัวใจและหลอดเลือด โดยทดลองในอาสาสมัครชายหญิงที่มีความเสี่ยงสูงต่อการเกิดโรคหัวใจและหลอดเลือด ผลลัพธ์พบว่าการรับประทานเม็ดมะม่วงหิมพานต์และถั่วชนิดต่าง ๆ ประมาณ 84 กรัมขึ้นไป/สัปดาห์ อาจช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดโรคอ้วน อ้วนลงพุง และโรคเบาหวานอย่างมีนัยสำคัญ แต่ไม่สัมพันธ์กับการเกิดโรคความดันโลหิตสูง ภาวะไขมันในเลือดสูง หรือระดับน้ำตาลในเลือดสูง ในขณะที่งานวิจัยขนาดใหญ่อีกชิ้นระบุว่าการรับประทานเม็ดมะม่วงหิมพานต์และถั่วอื่น ๆ อย่างน้อยวันละ 60 กรัม ช่วยลดระดับไขมันรวม ไขมันชนิดไม่ดี และไขมันไตรกลีเซอไรด์ ซึ่งอาจช่วยลดความเสี่ยงการเกิดโรคหัวใจและหลอดเลือดได้