มะระกับสุขภาพ
มะระกับการรักษาโรคเบาหวาน
การควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดเป็นวิธีการรักษาโรคเบาหวาน หากระดับน้ำตาลในเลือดสูงอย่างต่อเนื่อง อาจสร้างความเสียหายต่อเส้นประสาท หลอดเลือด และอวัยวะต่าง ๆ ภายในร่างกาย หลายคนคงเคยได้ยินมาว่ามะระช่วยรักษาโรคเบาหวานได้ อาจเป็นเพราะในมะระมีสารเคมีบางอย่างทำหน้าที่เหมือนอินซูลิน ซึ่งมีรายงานการศึกษาบางชิ้นระบุว่า การรับประทานมะระอาจช่วยปรับระดับน้ำตาลในเลือดได้ และอาจมีประโยชน์ต่อผู้ป่วยเบาหวานประเภทที่ 2 ด้วย แต่ในขณะเดียวกันมีการศึกษาบางส่วนที่แสดงผลแตกต่างออกไป โดยพบว่ามะระไม่ได้ช่วยปรับระดับน้ำตาลในเลือด อีกทั้งหลักฐานทางการแพทย์ก็ยังมีไม่เพียงพอจะสรุปว่ามะระมีประโยชน์ต่อผู้ป่วยเบาหวานประเภทที่ 2 จริง จึงจำเป็นต้องศึกษาเพิ่มเติม เพื่อพิสูจน์ประสิทธิภาพของมะระในด้านนี้ให้ชัดเจนต่อไป
มะระกับคุณสมบัติต้านอนุมูลอิสระ
สารอนุมูลอิสระเป็นปัจจัยหนึ่งที่ทำให้เซลล์ร่างกายเกิดความเสียหาย และอาจทำให้เสี่ยงเผชิญโรคมะเร็ง โรคหัวใจ และโรคอัลไซเมอร์ โดยหลายคนเชื่อว่ามะระอาจเป็นผักสวนครัวชนิดหนึ่งที่ช่วยต้านอนุมูลอิสระได้ เนื่องจากมะระประกอบไปด้วยสารฟีนอลหลายชนิด เช่น กรดแกลลิก (Gallic Acid) กรดคาเฟอิก (Caffeic Acid) และคาเทชิน (Catechin) ซึ่งเป็นสารพฤษเคมีที่มีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระ ทั้งยังมีการศึกษาที่แสดงให้เห็นว่า ใบมะระขี้นกมีคุณสมบัติต้านอนุมูลอิสระและอาจช่วยป้องกันจุดด่างดำตามผิวหนังได้ แต่การทดลองดังกล่าวเป็นเพียงการศึกษาในห้องปฏิบัติการเท่านั้น จึงจำเป็นต้องศึกษาเพิ่มเติมต่อไป
มะระกับการบรรเทากลุ่มอาการอ้วนลงพุง
อาการอ้วนลงพุงเป็นปัจจัยเสี่ยงหนึ่งที่ทำให้เกิดปัญหาสุขภาพอื่น ๆ ตามมา เช่น ความดันโลหิตสูง โรคหัวใจ หรือโรคเบาหวานประเภทที่ 2 เป็นต้น ดังนั้น การรับประทานอาหารที่ดีและมีประโยชน์ต่อสุขภาพจึงอาจเป็นทางเลือกหนึ่งของผู้ที่ต้องการลดน้ำหนัก ป้องกันหรือรักษากลุ่มอาการอ้วนลงพุง ซึ่งมะระขี้นกเป็นพืชที่หลายคนเชื่อว่าอาจช่วยลดน้ำหนักได้ มีการศึกษาชิ้นหนึ่งแสดงให้เห็นถึงประสิทธิภาพของอาหารเสริมที่มีส่วนผสมของมะระขี้นก โดยพบว่าหลังรับประทานอาหารเสริมชนิดนี้ไปแล้ว 3 เดือน กลุ่มทดลองมีขนาดรอบเอวเล็กลงไปจนถึงสิ้นเดือนที่ 4 แต่ประสิทธิภาพของอาหารเสริมมะระขี้นกกลับเริ่มลดลงในช่วงเดือนที่ 5 และ 6 จากผลการวิจัยจึงอาจกล่าวได้ว่า มะระขี้นกอาจส่งผลดีต่อผู้ป่วยกลุ่มอาการอ้วนลงพุงในระยะแรก ๆ
อย่างไรก็ตาม งานค้นคว้าดังกล่าวเป็นเพียงการทดลองในเบื้องต้น ศึกษากับกลุ่มทดลองบางกลุ่ม และมีผู้เข้าร่วมการทดลองจำนวนน้อย จึงจำเป็นต้องศึกษาเพิ่มเติมให้ชัดเจนยิ่งขึ้น เพื่อยืนยันประสิทธิภาพของมะระในด้านนี้ต่อไป
มะระกับการสมานแผล
บาดแผลเกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ และอาจทำให้เนื้อเยื่อบริเวณนั้นเกิดความเสียหาย หรือมีเลือดไหลซึมออกมา ระยะเวลาในการสมานแผลขึ้นอยู่กับความรุนแรงของบาดแผล และในบางครั้งบาดแผลอาจเป็นภาวะแทรกซ้อนจากโรคอื่นได้ด้วย เช่น แผลเบาหวาน ซึ่งเป็นบาดแผลที่อาจสมานตัวช้าและเสี่ยงต่อการติดเชื้อ
ในอดีตเชื่อกันว่าพืชบางชนิด เช่น มะระ อาจมีสรรพคุณช่วยรักษาแผลได้ และเคยมีการศึกษาประสิทธิภาพของมะระในการสมานแผลด้วยการทดลองกับผิวหนังของกระต่ายที่มีแผลฉีกขาด พบว่าครีมที่มีส่วนผสมของมะระอาจช่วยเร่งให้แผลหายได้เร็วขึ้น นอกจากนี้ ยังมีอีกหนึ่งการศึกษาแสดงให้เห็นประสิทธิภาพของสารสกัดจากมะระที่ส่งผลดีและทำให้แผลเบาหวานในหนูทดลองหายเร็วขึ้นอีกด้วย
อย่างไรก็ตาม แม้การศึกษาเหล่านี้จะชี้ให้เห็นว่ามะระมีประโยชน์ต่อการสมานแผล รวมถึงแผลเบาหวาน แต่ก็เป็นเพียงการศึกษาในสัตว์ทดลองเท่านั้น จึงจำเป็นต้องศึกษาเพิ่มเติมถึงประสิทธิภาพของมะระต่อการสมานแผลในมนุษย์ รวมทั้งความปลอดภัยในการใช้มะระให้ชัดเจนต่อไป
มะระกับคุณสมบัติต้านเชื้อเอชไอวี
การมีเพศสัมพันธ์โดยไม่ป้องกันและการใช้เข็มฉีดยาร่วมกันเป็นสาเหตุหลักของการติดเชื้อเอชไอวี และในปัจจุบันการติดเชื้อไวรัสชนิดนี้ยังไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้ มีเพียงแต่ยาที่ยับยั้งการเพิ่มปริมาณเชื้อไวรัสเท่านั้น หลายคนจึงมีความหวังในการใช้พืชสมุนไพรรักษาโรคนี้ และมะระก็เป็นหนึ่งในพืชผักที่เชื่อกันว่าอาจช่วยต้านเชื้อเอชไอวีได้ และมีการศึกษาในห้องปฏิบัติการชิ้นหนึ่งพบว่า โปรตีนบางชนิดที่สกัดได้จากมะระอาจมีคุณสมบัติยั้บยั้งการแบ่งตัวของเชื้อเอชไอวี
อย่างไรก็ตาม แม้ผลการค้นคว้าจะแสดงถึงแนวโน้มที่ดี แต่จำเป็นต้องศึกษาทดลองในมนุษย์เพิ่มเติม เพื่อพิสูจน์ประสิทธิภาพและความปลอดภัยของมะระก่อนนำไปใช้รักษาผู้ติดเชื้อเอชไอวี